Powered By Blogger

วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทำไมต้องครูพละ (พลศึกษา)

ทายสิ......คนไหน
  ผมเองเป็นคนที่ไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลย ว่าโตมาแล้วจะมาเป็น "ครูพละ" เช่นในปัจจุบัน
     ในสมัยเรียนชั้นประถมศึกษา ผมมีความฝันอันแสนเท่ ก็คือ อาชีพยอดฮิตของเด็กผู้ชาย คือ การเป็นทหารเพราะการเป็นทหารเท่มากเลย บวกกับทางครอบครัวชอบที่จะให้ลูกรับราชการ แต่ความฝันอันแสนเท่ ก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเรียนในระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น ก็มีความฝันที่เปลี่ยนไป ขณะนั้นเป็นนักกีฬาฟุตบอล เล่นบ่อย แข่งขันก็บ่อย จึงทำให้ความฝันนะตอนนั้น อยากที่จะเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ แต่ก็มีความคิดนั้นอยู่ได้ไม่นาน เพราะเนื่องจาก การได้วิเคราะห์ตัวเราเองแล้ว เราไม่มีทางเป็นนักฟุตบอลทีมชาติได้แน่นอน ปัจจัยหลักที่สำคัญเลย คือการที่เป็นคนตัวเล็ก ถ้าภาษาชาวบ้าน เรียก "ตัวเตี้ย" พอมาถึงช่วง ของการจบมัธยมศึกษาตอนต้น หรือที่เรียกว่า ช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อ นอกจากการเล่นฟุตบอลแล้วอีกหนึ่งอย่างที่ชอบก็คือ การเป็นช่างซ่อมสิ่งของต่างๆ เช่น การทำมุ้งลวด การทำลำโพง เป็นต้น ณ ตอนนั้นจึงตัดสินใจที่จะไปศึกษาต่อในสายอาชีวะ แต่ความคิดก็ต้องหยุดลง
                 เมื่อท่านอาจารย์แนะแนวที่โรงเรียนที่ได้ศึกษาอยู่ในขณะนั้น คือ โรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม ไม่ให้ไปเรียนในสายอาชีวะ ท่านให้เหตุผลว่า "เธอควรที่จะเรียนในสายสามัญ และควรเรียนในสายวิทย์-คณิตด้วย" เนื่องจากผมจบ ม. 3 ผลการเรียนอยู่ในระดับดีพอสมควร เมื่ออาจารย์แนะนำดังนั้น ผมก็เชื่อตามคำแนะนำ ของท่านอาจารย์ ผมก็เรียนต่อ ชั้นมัธยมตอนปลาย ในสายวิทย์-คณิต

โรงเรียนประถมของฉัน

            การที่เรียนในสายนี้มันทำให้ ความฝันของผมเปลี่ยนไป โดยธรรมชาตินักเรียนที่สายนี้ส่วนใหญ่จะไปเป็น คุณหมอบ้าง วิศวกรบ้าง ขึ้นอยู่กับความชอบ ผมเองก็ ฝันอีก คราวนี้ฝันที่จะเป็นวิศวกร เป็นอาชีพที่รวย มีเงินเยอะ แต่เมื่อเรียนไปสักระยะ ประมาณชั้นม.5 อาจารย์แนะแนวอีกเช่นเคย ให้นักเรียนทุกคนวางแผนในการไปศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยที่เลือกสิ่งที่ตัวเองชอบเป็นหลัก เลือกสิ่งที่คิดว่าทำแล้วเรียนแล้วมีความสุข เมื่อผมได้ฟังคำแนะนำดังนั้น 

         ผมก็คิดได้ว่า "วิศวกร มันไม่ใช่ตัวตนของผม" สิ่งที่เป็นตัวตนของผมคือการเล่นกีฬา ในตอนนั้นสิ่งที่ผมทำแล้วมีความสุข และทำแล้วไม่เบื่อคือการได้เล่นกีฬา ความฝันชิ้นใหม่ก็คือ การเป็นนักวิทยาศาสตร์การกีฬา การทำงานตามฟิสเนส เพราะเค้าว่ากันว่าทำงานฟิสเนสได้เงินเยอะ ผมจึงตั้งเป้าหมายที่จะเข้า มหาวิทยาลัยแล้วจะเรียนในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา โดยมหาวิทยาลัยที่อยากเข้ามากที่สุด ในตอนนั้นคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เป็นธรรมดานะครับ ของเด็กม.ปลายทั่วๆไปที่อยากเข้าจุฬา ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในปีนั้นวุ่ยวายมากครับ มีการเปลี่ยนระบบต่างๆ เริ่มการใช้ระบบแอดมิสชั่นเป็นปีแรก และจุดเปลี่ยนของชีวิตก็มาถึง
 

         ช่วงนั้นก็เริ่มมีการเปิดสอบตรงของมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมไปถึง มศว ด้วย มหาวิทยาลัยนี้ผมไม่เคยทราบประวัติความเป็นมา มาก่อน มีกลุ่มเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกันได้ไปซื้อใบสมัครของ มศว มา ในนั้นก็จะมีรายละเอียดของคณะต่างๆที่เปิดสอบ หนึ่งในนั้นมีคณะพลศึกษา ด้วยความที่ว่า เห็นเพื่อนๆสอบกัน ก็อยากลองสอบด้วย และก็เป็นการทดสอบตัวเองด้วย จึงฝากเพื่อนซื้อใบสมัคร แต่สุดท้ายผมก็ไม่ต้องซื้อครับ เหมือนกับเป็นดวงอะไรสักอย่าง เนื่องจากเพื่อนของผมซื้อใบสมัครมาแล้ว ไม่มีคณะที่ตนเองอยากเรียนจึง ให้ใบสมัครสอบมากับผม ผมก็ได้ไปทำการสอบดังเวลาที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้

             เมื่อถึงวันประกาศผลสอบ ด้วยความที่ในขณะนั้น ที่บ้านของผมไม่มีคอมพิวเตอร์ จึงไม่สามารถเช็คผลสอบได้ ณ ตอนเช้าขณะไปโรงเรียน เดินเข้าโรงเรียนด้วย ร่างกายที่ง่วง เพราะต้องตื่นเช้า และนอนดึก เนื่องจากซ้อมฟุตบอล ร่างกายก็เนื่อยๆ เมื่อเดินไปถึงโต็ะที่นั่งประจำในตอนเช้า เหมือนกับว่าทุกคนกำลังรอเราอยู่ ด้วยความแปลกใจ จึงถามเพื่อนว่า มีอะไรกันเหรอ เพื่อนผมคนที่ให้ใบสมัครมาบอกว่า

      .................ต่ายเธอสอบติด มศว..............................
    
     "ผมตกใจแล้วถามเพื่อนกลับไปทันที่ว่าใช่เหรอ ดูผิดหรือเปล่า เพื่อนผมบอกว่าไม่ผิด ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปเปิดดูเองก็ได้ แต่เราดีใจด้วยนะ"  จากเด็กที่ดูแล้วไม่เก่ง ในเรื่องเรียนสักเท่าไร อยู่ลำดับท้ายๆของห้อง (ถึงจะท้ายแต่เกรดก็สูงนะครับ) แต่ตอนนี้สอบติดเป็น คนแรกๆในห้อง และเป็นคนแรกๆของรุ่น มันก็เท่เหมือนกันนะ

     แล้วมันจะเป็นยังไงต่อไป ถึงได้มาจบที่ "ครูพละ" 
      ติดตามตอนต่อไป

                            
                                คลิปวีดีโอน่ารักไหมครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. คำผิดยังมีเยอะเหมือนเดิมนะท่าน........ตรวจทานหน่อยสิ

    ตอบลบ
  2. ขอบใจนายมาก ท่านขุนหัวเมืองละโว้

    ตอบลบ