Powered By Blogger

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเปอร์เซ็นต์ไขมันร่างกายกับสุขสมรรถนะ

การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเปอร์เซ็นต์ไขมันร่างกายกับสุขสมรรถนะของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น 
ผู้แต่ง นางสาวนัยนา  จันทร์ฉลอง

วัตถุประสงค์ของการวิจัย 
1.เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเปอร์เซ็นต์ไขมันร่างกายกับสุขสมรรถนะของนักเรียนชายและหญิงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 
2. เพื่อพยากรณ์เปอร์เซ็นต์ไขมันของนักเรียนชายและหญิงระดับมัธยมศึกษาตอนต้นด้วยการวัดไขมันใต้ผิวหนัง 6 จุดและวัดส่วนรอบร่างกาย 6 แห่ง 
3.เพื่อเปรียบเทียบสุขสมรรถนะของนักเรียนชายและหญิงระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีเปอร์เซ็นต์ไขมันแตกต่างกัน

สมมติฐานของการวิจัย
1.  เปอร์เซ็นไขมันร่างกาย มีความสัมพันธ์กับ สุขสมรรถนะของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น 
2.  นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีเปอร์เซ็นไขมันต่ำ และปกติมีสุขสมรรถนะดีกว่านักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นที่มีเปอร์เซ็นไขมันสูงกว่าปกติ

ขอบเขตการวิจัย
                กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีอายุ 13-15 เขตกรุงเทพมหานครและ 12 เขตการศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา จำนวน 800 คนที่สุ่มมาจากประชากรจำนวน  1,549,810 คน
แนวคิด ทฤษฎี
1.  การพัฒนาการของเด็กวัยรุ่นอายุระหว่าง 13 – 15 ปี 
2.  การศึกษาเกี่ยวกับไขมันในร่างกาย 
3.  ปัจจัยที่มีผลทำให้เกิดโรคอ้วน และผลความอ้วนที่มีต่อสุขภาพ  
     ทางกาย จิตใจอารมณ์และสังคม 
4.  วิธีกำหนดหาส่วนประกอบของร่างกาย 
5.  เทคนิคการวัดความหนาของไขมันใต้ผิวหนัง การวัดส่วนรอบวง 
     ของร่างกาย


เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 

1.  เครื่องชั่งน้ำหนักใต้น้ำเป็นเครื่องชั่งน้ำหนัก 
     ละเอียด 1000 ส่วน ใน   1 ก.ก. 
2.  ถังเหล็กทรงสี่เหลี่ยมบุด้วยพลาสติกทรงสี่
     เหลี่ยม สูง 1.30 เมตร กว้าง 1.50 เมตร  
     ยาว  0.90 เมตรใช้เป็นถังบรรจุน้ำเพื่อการชั่งน้ำหนักใต้น้ำ 
3.  ปรอทวัดอุณหภูมิของน้ำขณะที่ทำการชั่งใต้น้ำ 
4.  เลนจ์ คาลิเปอร์ วัดไขมันใต้ผิวหนังของที่มีความกด  
     10 กรัมต่อตารางมิลลิเมตร 
5.  เครื่องวัดความจุปอดชนิดเปียกเพื่อหาอากาศที่ตกค้างภายใน
     ร่างกาย ขณะที่ชั่งน้ำหนักใต้น้ำ 
6. แบบบันทึกข้อมูลผู้รับการทดสอบ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้
    ทดสอบเช่น การออกกำลังกาย ชนิดของกีฬาที่ออกกำลังกายเป็น  ประจำ ความบ่อยในการออกกำลังกาย การเดินทางมายังสถานศึกษา ระยะทางจากบ้านถึงสถานศึกษา และอีกส่วนหนึ่งเป็นข้อมูลทางด้านการทดสอบ อันได้แก่ ชีพจรขณะพัก ความดันโลหิต น้ำหนัก ส่วนสูง อายุ วันเดือนปีที่ทำการทดสอบ น้ำหนักที่ชั่งได้ทั้งในน้ำและบนบก ไขมันที่วัดได้ใต้ผิวหนัง ส่วนรอบร่างกาย ความจุปอด อากาศที่ค้างอยู่ในร่างกายหลังเป่าออกเต็มทีจากเครื่องเป่าปอด 
7.  เครื่องชั่งน้ำหนักในอากาศที่สามารถบอกน้ำหนักละเอียดได้ถึง   
     1/1000 
8.  เครื่องวัดส่วนสูงยี่ห้อ Detecto 
Gulick tape
9.  เครื่องมือวัดรอบของร่างกาย ชนิด
เทป (Gulick tape) 
10. สำลี 
11. แอลกฮอล์   70% 
12. สีเมจิก 
13. นาฬิกาจับเวลา
14. เครื่องวัดความดันโลหิตแบบปรอท 
15. สนามกรีฑาขนาด 400 เมตร 
16. เบาะยิมนาสติก 10 เบาะ 
17. กระดาษกาว 
18. กล่องก้มงอตัว มีสเกลเป็นเซนติเมตร 
หูฟัง (Stethoscope)
19. หูฟัง (Stethoscope)

การเก็บรวบรวมข้อมูล
     ก่อนทำการทดสอบวัดไขมันใต้ผิวหนังผู้วิจัยได้หาความเชื่อมั่น โดยการฝึกวัดไขมันใต้ผิวหนังนิสิตปริญญาตรี 
วิชาเอกพลศึกษา 
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 
จำนวน 118 คน
              
ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลตามลำดับขั้นตอนต่อไปนี้
  
1. ผู้รับการทดสอบแต่งกายที่เหมาะสมพร้อมที่จะทดสอบเพื่อจะวัด 
    ไขมันใต้ผิวหนัง 
2. ให้ผู้ทดสอบนอนพักตามสบายบนเบาะยิมนาสติกเป็นเวลา 
    10  นาที 
3. หลังพัก จับชีพจรขณะพัก 1 นาที จดบันทึกไว้ 
4. วัดความดันโลหิตขณะพัก จดบันทึกไว้ 
5. ผู้รับการทดสอบชั่งน้ำหนัก และวัดส่วนสูง 
6. ผู้ช่วยวิจัยวัดส่วนรอบของร่างกายของผู้รับการทดสอบ 
7. เป่าเครื่องวัดความจุปอด เพื่อหาอากาศตกค้าง 
8. ผู้ช่วยวิจัยจะนำ ผู้ทดสอบ อบอุ่นร่างกายอวัยวะส่วนต่างๆของร่าง
เครื่องวัดความดันโลหิตแบบป
กายเพื่อพร้อมจะทดสอบเป็นเวลา 10 นาที 
9. ผู้ช่วยผู้วิจัยสาธิตวิธีการทดสอบลุกนั่งและให้ผู้ทดสอบปฏิบัติ 
10.  ผู้ช่วยผู้วิจัยสาธิตวิธีการทดสอบก้มงอตัวและให้ผู้ทดสอบปฏิบัติ 
11. ผู้รับการทดสอบใส่ชุดว่ายน้ำชั่งบนเครื่องชั่ง และบันทึกน้ำหนักไว้ 
12. วิ่ง-เดิน 1.5 ไมล์ (2400 เมตร) และบันทึกเวลา

         แบบทดสอบสุขสมรรถนะ ใช้แบบทอสอบวัดสุขสมรรถนะ (Health Related Fitness Test) ของสมาคมสุขศึกษาพลศึกษานันทนาการและการเต้นรำแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกอบไปด้วยการวัดด้านต่างๆ 4 รายการดังนี้
  
1.วิ่งระยะทาง 1.5 ไมล์ 
2.การวัดส่วนประกอบของร่างกาย(Body composition) 
          2.1  วัดความหนาของไขมันใต้ผิวหนังบริเวณกล้ามเนื้อแขน
                 ท่อนบนด้านล่าง 
          2.2  วัดความหนาของไขมันใต้ผิวหนังบริเวณกล้ามเนื้อใต้ 
                 สะบักหลัง 
3. ลุก-นั่ง 1 นาที (Modified sit - up) 
4. นั่งงอตัวไปข้างหน้า (Sit and reach)

อภิปรายผล
         จากผลการวิจัยจะเห็นว่า
             ความสัมพันธ์ระหว่างเปอร์เซ็นต์ไขมัน กับสุขสมรรถนะของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงมัธยมศึกษาตอนต้น มีความสัมพันธ์กันในเชิงลบ อย่างมีนัยสำคัญที่ .01 ชี้ให้เห็นว่านักเรียนชายและหญิง ยิ่งมีเปอร์เซ็นไขมันสูง สุขสมรรถนะโดยส่วนรวม 4 รายการยิ่งลดลงต่ำ ซึ่งผลรวมของสุขสมรรถนะทั้ง 4 รายการ เป็นปัจจัยที่สำคัญของการมีสุขภาพและการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในด้าน ความทนทานระบบไหลเวียน จากการวิ่ง-เดิน 1.5 ไมล์ ลุกนั่ง 1 นาที ซึ่งวัดความทนทานและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ผลรวมของไขมันใต้ผิวหนัง เป็นความเหมาะสมของไขมันในร่างกาย และการก้มงอตัวไปด้านหน้า วัดความอ่อนตัวและความยืดหยุ่นร่างกายดังนั้น เมื่อรายการใดรายการหนึ่งต่ำ หรือทุกรายการต่ำ นั่นคือสุขสมรรถนะรวมจึงถูกส่งผลออกมาในระดับต่ำ จากการที่มีเปอร์เซ็นไขมันสูงทั้งในนักเรียนชายและในนักเรียนหญิง เนื่องจากตัวแปรเหล่านี้มีความสัมพันธ์กัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น